เกร็ดความรู้

การล่องแก่ง ในสากลได้มีการแบ่งระดับความยาก-ง่ายของสายน้ำ สามารถแบ่งได้เป็น 5 ระดับ ดังนี้





ระดับ 1 ง่ายมาก มีแก่งเล็กน้อยที่ง่ายมากคนทั่วไปสามารถพายได้บนสายน้ำไหลเอื่อย เหมาะสมสำหรับผู้ที่เริ่มล่องแก่ง
ระดับ 2 ธรรมดา น้ำไหลแรงขึ้น มีแก่งที่ต้องใช้เทคนิค ในระดับนี้ผู้พายจะต้องมีทักษะในการพายอยู่พอสมควร
ระดับ 3 ปานกลาง เริ่มมีแก่งน่าตื่นเต้น เทคนิคการพายสูงขึ้น มีแก่งให้ผู้พายได้ตื่นเต้นเป็นระยะๆ ในการพายจะต้องฝึกฝนเทคนิค การพายและการเรียนรู้ถึงลักษณะของสายน้ำ
ระดับ 4 ยาก มีแก่งที่ต้องใช้ทั้งเทคนิคและทักษะในการพาย และต้องใช้ความระมัดระวังในการล่องแก่ง

ระดับ 5 ยากมาก น้ำไหลเชี่ยว ต้องใช้เทคนิคและประสบการณ์การพายสูง และต้องมีความระมัดระวังในการล่องแก่งเป็นพิเศษ



หลักการพายเรือล่องแม่น้ำ


ลักษณะของสายน้ำและการอ่านสายน้ำ ความแรงของกระแสน้ำจะขึ้นอยู่กับส่วนประกอบต่างๆ ในธรรมชาติ เช่นความลึก โดยร่องน้ำยิ่งลึกมาก กระแสน้ำก็ยิ่งไหลแรง มากขึ้น การไหลของน้ำ สามารถแยกได้เป็น 2 อย่างคือ

    1.แก่ง ซึ่งน้ำจะไหลเร็วและแรงมาก
    2.แอ่ง น้ำจะไหลช้าและมีความลึกมาก

ปกติโดยทั่วไป บริเวณต้นแก่งน้ำจะไหลเอี่อยและช้ากว่ากลางแก่ง หรือปลายแก่ง อีกสิ่งหนึ่งที่ควรรู้ และนักล่องแก่งต้องคำนึกถึงก็คือ ความเร็วของกระแสน้ำใต้ผิว และระดับผิวน้ำ จะต่างกัน โดยช่วงต่ำ กว่าผิวน้ำลงไป กระแสน้ำจะค่อยๆ ลดความเร็วลง สำหรับ ความลาดเอียง ของหินใต้น้ำ จะมีผลต่อความแรงของกระแสน้ำด้วย คือบริเวณที่ลึก น้ำจะไหลแรง กว่าบริเวณที่ตื้น และภายใต้กระแสน้ำ อาจจะมีหินใต้นำ ที่มองไม่เห็น และสิ่งที่เป็นอันตรายไม่น้อย คือต้นไม้ หรือกิ่งไม้ ที่ล้มขวางลำน้ำ อาจจะส่งผลอันตราย ต่อลูกเรือหรือตัวเรือได้
ร่องน้ำรูปตัววี สายน้ำจะบีบตัวเข้าหากันเป็นรูปตัววี โดยมีโขดหินสองข้าง ขวางลำน้ำ ทำให้เกิดเป็นร่องน้ำ ระหว่าง หินนั้น ควรบังคับหัวเรือให้ตรง ตามร่องตัววีนั้น แต่อย่างไรก็ตาม นายท้ายเรือ ต้องตัดสินใจ ในการแก้ไขสถานการณ์ ล่วงหน้าอีกครั้ง เพราะช่องทางที่ดีที่สุด ที่เห็นนั้น อาจจะพัดนักผจญแก่งไปกระแทก กับหินก็ได้ ร่องน้ำรูปตัววีคว่ำที่ หันมุมแหลมเข้าหาเรานั้น จะเป็น อันตรายมาก เรืออาจจะกระแทกกับหิน หรือน้ำอาจดูด เข้าไปหา จนทำให้เรือ หรือตัวเรา กระแทกกับแก่งหินได้
น้ำวน ในกรณีที่หลงเข้าไปในน้ำวน จะต้องพายเรือ ออกจากศูนย์กลาง ของวังน้ำวนให้เร็วที่สุด และกรณี ผู้ที่ตกน้ำวน ก็เช่นกัน จะต้องพยายามว่ายออกจากศูนย์กลางให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่าฝั่งจะอยู่ทางใด และเมื่อหลุด จากวังน้ำวนแล้ว ค่อยว่ายเข้าหาฝั่ง
คลื่น ในกระแสน้ำที่ไหลแรงและลึก หินใต้น้ำและผิวน้ำจะทำให้เกิดคลื่นน้อยใหญ่แตกต่างกัน คลื่นนั้น อาจจะม้วนเป็นวงอย่างแรง ควรพยามยามหลีกเลี่ยง เพราะจะทำให้ควบคุมเรือยาก เรืออาจจะถูก กระแสน้ำม้วน ทำให้พลิกคว่ำได้
น้ำนิ่งหลังแก่ง กระแสน้ำบริเวณหลังแก่งจะเป็นน้ำวนไหลย้อนทิศทาง ทำให้ มีความแรง ของน้ำ น้อยลง สามารถใช้เป็นจุดพักเรือได้
น้ำม้วนหน้าแก่ง เกิดจากกระแสน้ำที่ตกจากที่สูง น้ำที่ตกลงมา จะม้วนตัวอยู่หน้าแก่ง ก่อนที่จะไหล ต่อไป ซึ่งถ้ามีความแรงมากๆ ก็สามารถที่จะพลิกเรือให้คว่ำได้ และถ้ากระแสน้ำไหลตกจากที่สูงมากเท่าใด ก็จะยิ่งอันตราย มากเท่านั้น

ถ้ากรณีที่เรือพลิกคว่ำหลังลงจากที่สูงแล้ว ผู้ตกน้ำควรจะดำน้ำมุดหนีโพรงน้ำนั้นให้เร็วที่สุด อย่าพยายาม ขึ้นมาเหนือน้ำ เพราะกระแสน้ำจะม้วนดูดกลับลงไปอีก

วิธีการพายเรือ


เดินหน้า  นั่งทางซ้ายและขวาพายเดินหน้า คนท้ายเรือ (กัปตัน) ถือท้ายตรง
ถอยหลัง  นั่งทางซ้ายและขวาพายถอยหลัง คนท้ายเรือ (กัปตัน) ถือท้ายตรง
เลี้ยวขวา  นั่งทางซ้ายพายเดินหน้า นั่งทางขวางพายถอยหลัง กัปตันพายจากซ้ายมาขวา
เลี้ยวซ้าย  นั่งทางซ้ายพายถอยหลัง นั่งทางขวาพายเดินหน้า กัปตันพายจากขวามาซ้าย

การช่วยเหลือตัวเองเมื่อพลัดตกเรือ


เมื่อตกไปในน้ำให้พยายามว่ายเข้าหาเรือ หรือเข้าฝั่ง ให้เร็วที่สุด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ที่จะเกิดขึ้น จากกระแสน้ำ ที่พัดพาตัวเรา ให้ไปตกอีกแก่งหนึ่งได้
เมื่อตกน้ำ ให้พยายามลอยตัว ให้อยู่เหนือน้ำ ในลักษณะ ท่านอนหงาย ยกขาทั้งสองข้างขึ้นระดับผิวน้ำ เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวให้ลอย พยายามให้ขา ไปข้างหน้า ขณะที่ไหลปตามกระแสน้ำ ค่อยๆ เตะขาอย่างช้าๆ เพื่อชะลอความเร็ว และป้องกันตัวเอง จากการกระแทก กับแห่งหิน

ที่สำคัญอย่างยิ่งในการล่องเรือ



ผู้เชี่ยวชาญเน้น ที่ความปลอดภัยทุกครั้ง โดยเฉพาะอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น เสื้อชูชีพ หมวกกันน๊อก เสื้อชูชีพจะช่วยพยุงตัวเราให้ลอยเหนือน้ำ ส่วนหมวกกันน๊อค นอกจากจะช่วยป้องกัน ศีรษะกระแทกกับหินแล้ว ในกรณีตกจากเรือ ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บ จากไม้พาย ของคนข้างหลัง ตีเอาอีกด้วย


ที่มา : ข้อควรปฎิบัติกิจกรรมทางน้ำ snook.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น